สังคมแห่งการต่อว่าด่าทอ เพื่ออะไร บางคนบอกว่า ก็เป็นแรงผลักดันไง ในหัวได้แต่คิดว่าหรอมันใช่หรอ จริงหรออะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ เราเลยจุดที่คนอื่นจะต่อว่า หรือ ด่าเราได้ มาแล้ว เพราะฉะนั้นคำพูดคนอื่นไม่มีผลกับเราจะอ้างเพื่อคนอื่นคงไม่ได้ ไม่ว่าเราทำอะไร เพื่อปากท้องตนเองล้วน ๆ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ทำแล้วจะเอาอะไรกิน ชีวิตมันต้องดิ้นรนเป็นเรื่องธรรมชาติเราอาจจะเป็นคนมุ่งมั่น ถ้าตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้ ส่วนจะได้ 10 หรือ 100 มันก็แล้วแต่สิ่งนั้น แล้วเราเป็นคนชอบลุ้นกับสิ่งที่ทำด้วย ท้าทายตนเอง จะทำได้หรือไม่ได้ ทำได้ก็ดีใจ ชนะ ทำไม่ได้ก็เซ็ง แพ้ เจ็บใจแรงผลักดันมันอยู่ที่ใจตนเองล้วน ที่ไม่ยอมแพ้ไม่ใช่จากปากคนอื่น ถ้าพูดถึงแรงผลักดัน เช่น อยากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลบคำสบประมาทของบางคน พ่อ แม่ และแฟนที่ให้กำลังใจตลอด ยึดถือคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ หน้าที่การงาน เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
กลัวความยากจน กลัวครอบครัวจะต้องลำบากในอนาคต จนถึงบัดนี้ก็ยังไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ถึงระยะทางจะอยู่อีกยาวไกลก็ไม่ท้อถอย ถ้ายังมีลมหายใจอยู่จะพยายามไปให้ถึง จากนนี้ขอเราประสบการณ์ตรงที่เจอมา ในชีวิตจริง โลกจริง เราไม่สามารถทำให้คนอื่นชื่นชมเราได้ไปตลอด ชมน้อยกว่าด้วย บ่อยครั้ง ที่คนไม่พูดคำชมคำแนะนำที่ว่า ก็ดีกว่าเอามาเป็นอารมณ์หรือเป็นความคิด negative ฉุด แต่ให้กลับด้านให้รู้จักสู้ พูดจากประสบการณ์จริง… เหตุการณ์ร้าย ๆ ต่าง ๆ เราไม่อยากให้เกิดแรก ๆ ก็แก้ปัญหาตามที่ได้ยินมา คิดตามโลกที่ฝันไว้แต่ไปเจอจริงๆ มันไม่มีในตำรา
แต่ก็ทำให้ได้ทักษะทีละอย่างสองอย่าง กลายเป็นได้เรียนรู้ลัดหลายอย่างกว่าคนชีวิตราบเรียบ ไม่เคยเจออะไรเลยจริงๆ เหมือนคนบังเอิญเหตุการณ์พาไป ให้ไปอยู่กลางวงล้อมอันธพาล ไม่สู้ก็ตายก็มีจริง ที่บางทีสู้ไม่ไหวได้บาดแผลแต่ชีวิตผ่านมาหลายช่วง ที่โดนอัด โดนบีบ โดนถีบ แล้วทำให้ผมเปลี่ยน จนคนที่ไม่ได้พบเจอนาน จะสงสัยว่ามันเด็กคนเดิมที่เคยเห็นหรือเปล่า สู้บ่อยเข้า เริ่มแก่วัด เรียนรู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่มีแค่ 1 กับ 0 หาวิธีการเจรจามั่ง เทคนิคการหลอกล่อมั่ง วิธีตรง ๆ ไม่ได้ก็วิธีอ้อมๆ ยืมปากคนอื่นพูดแทน ยืมมือคนอื่นทำแทน ฯลฯ ไม่เจ็บ แต่จบได้
เป็นการเรียนผ่านประสบการณ์จริง และมีคนเจอเหตุการณ์มากกว่าเราแข็งกว่าเราก็มีเล่าไป ก็ไม่สามารถทำให้รู้ได้หมด เพราะมันเป็นนามธรรม แต่คุณเจออะไรบ่อยเข้า จะรู้เอง ว่าดลการเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อย ๆ เข้ามันก็ไม่ไหว เคยมั้ยวันรวมญาติ ที่คุณคงคุณป้าต่างถามว่าทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไร เรียนจบหรือยัง แล้วก็จะอวดลูกกัน น่าเบื่อใช่มั้ย ตอนนี้สำหรับเราคิดว่าถ้าต้องใช้คำดูถูกมาเป็นแรงผลักดัน ก็คงประสบความสำเร็จที่ยั่งยืนได้ยากครับ เพราะพอจขกท.ไต่ขึ้นไปถึงระดับนึง “คำดูถูกจะลดลง คำชมจะมากขึ้น” แล้วพอไปถึงจุดนั้นแล้ว จะเอาอะไรมาเป็นแรงผลักดันละครับ? ความเห็นของผมคือ เราอย่าต้องรอให้คนมาด่าก่อนค่อยมีพลังที่จะผลักดันตัวเองไปข้างหน้าเลยครับ ลองสร้าง self-motivation ให้ตัวเองดูนะมันจะน่าเป็นพลังที่ยั่งยืนกว่านะสุดท้ายแล้วนั้น คำไหนก็ได้ขึ้นกับคนรับนะ เพราะเอาไปเป็นพลังบวกก็ดีแต่ถ้ามัวเอาไปเป็นแต่ด้านลบ